Wednesday, October 22, 2008

ศาลจำคุก"ทักษิณ"2ปี-"พจมาน"รอด

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/22/news_27470978.php?news_id=27470978
ศาลจำคุก"ทักษิณ"2ปี-"พจมาน"รอด

ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ "ที่ดินรัชดาฯ" สั่งจำคุกอดีตนายกฯ "ทักษิณ
ชินวัตร" 2 ปี กระทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 ฐานเป็นผู้นำรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามหลัก

ธรรมาภิบาลและจริยธรรมนักการเมือง แต่ให้ยกฟ้องทุจริตต่อหน้าที่ สั่งออกหมายจับมารับโทษ ส่วน "พจมาน" รอดทุกข้อหา แถมไม่ถูกริบที่ดินและเงิน อัยการเดินหน้าส่งหลักฐานขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ด้านพันธมิตรเฮ ประกาศชัยชนะ ขณะที่ นปช.ซึม ยืนไว้อาลัย "ทักษิณ" ให้สัมภาษณ์สื่อนอก ระบุรู้อยู่แล้วต้องตัดสินอย่างนี้ ชี้เป็นเรื่องการเมือง เตรียมออกแถลงการณ์แจง น้องเขยอ้างเป็นเรื่องส่วนตัว รัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง อุ้มพี่เมียไม่ได้ทุจริต แค่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.

วานนี้ (21 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1 และ 2

ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 100 และ 122, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 86, 91, 152 และ 157 ซึ่งท้ายคำฟ้อง อัยการสูงสุดขอศาลมีคำสั่งให้ยึดที่ดินและเงินที่ซื้อที่ดินอันเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย

ทั้งนี้ ในคำพิพากษานั้น ประเด็นที่จำเลยทั้งสองยกเป็นข้อโต้แย้งเพื่อต่อสู้คดี ศาลเห็นว่าฟังไม่ขึ้นเกือบทุกประเด็น อาทิเช่น ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 30 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ถูกยกเลิกไปแล้วโดยประกาศ คปค.ฉบับที่ 30, คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ไม่มีอำนาจการสอบสวนและฟ้องคดี

นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่จำเลยต่อสู้ว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ, นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจกำกับดูแลหรือสั่งการกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งศาลเห็นว่ากองทุนฟื้นฟูฯมีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐ และนายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ

ส่วนประเด็นที่ศาลยกขึ้นมาวินิจฉัยความผิดและพิจารณาโทษ ปรากฏว่า ในประเด็นจำเลยที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 100 ศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง โดยศาลลงมติด้วยคะแนน 5:4 ส่วนจำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) ไม่มีความผิดในประเด็นนี้ เพราะในกฎหมายฉบับเดียวกัน มาตรา 122 ระบุไว้ชัดเจนว่าให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐตามมาตรา 100 แต่ไม่รวมถึงคู่สมรสด้วย

"หากพิจารณาตามหลักธรรมาภิบาล คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงภรรยาและบุตร ไม่สมควรซื้อทรัพย์สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพราะการขายทรัพย์สินได้ราคามากหรือน้อย ย่อมมีผลต่อสถานะทางการเงินของกองทุนฯซึ่งนายกรัฐมนตรีดูแลรับผิดชอบอยู่ การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นภรรยาของนายกรัฐมนตรีเข้ายื่นประมูลซื้อที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของกองทุนฟื้นฟูฯ จึงเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมโดยชัดแจ้ง" คำพิพากษาระบุตอนหนึ่ง

ไม่ผิดอาญา ม.157-ศาลสั่งไม่ริบทรัพย์

สำหรับประเด็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าโจทก์ยังไม่มีพยานหลักฐานที่หนักแน่นเพียงพอที่จะชี้ความผิดของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิด และเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามมาตรานี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน

ส่วนที่โจทก์ฟ้องให้ริบที่ดินและเงินซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทนั้น ศาลเห็นที่ดินไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด และเงินที่ชำระก็ไม่ใช่ทรัพย์สินที่พิพาท จึงไม่ต้องริบทั้งเงินและที่ดิน

"ทักษิณ"เจอคุก2ปี-"พจมาน"รอด

"เมื่อไต่สวนรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายทั้งที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลซึ่งต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างและประพฤติตนดีงามตามจริยธรรมของนักการเมือง จึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ พิพากษาให้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 100 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นให้ยก และให้ยกเลิกหมายจับจำเลยที่ 2 และออกหมายจับจำเลยที่ 1 มารับโทษต่อไป"

อัยการเดินหน้าขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ภายหลังทราบคำพิพากษา นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ตั้งคณะทำงานเตรียมไว้แล้วเพื่อดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษในประเทศไทย และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยวันนี้ (22 ต.ค.) จะไปคัดคำพิพากษาเพื่อส่งให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศแปลเป็นภาษาอังกฤษ และส่งต่อให้กระทรวงการต่างประเทศ ส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ เพื่อดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

"คดีนี้มีอายุความ 10 ปี เป็นเรื่องที่อัยการต้องเร่งรัดติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงอดีตนายกฯ แต่ไม่มีผล การดำเนินการทุกอย่างจะเป็นไปตามหลักฐานและกระบวนการ" นายเศกสรรค์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นอุทธรณ์ โดยใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 278 จะกระทบต่อการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะทั้งสองขั้นตอนสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้

แกนนำพธม.เฮ-ดีใจทักษิณเจอคุก

สำหรับบรรยากาศที่เวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายในทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่าทันทีที่ทราบคำพิพากษา ผู้ชุมนุมต่างลุกขึ้นโห่ร้องยินดี พร้อมตี "มือตบ" อย่างพร้อมเพรียงกัน ท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่ม

ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มพันธมิตร อาทิเช่น นายวีระ สมความคิด นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายการุณ ใสงาม ได้พร้อมใจกันขึ้นเวที และร่วมกันชูมือพร้อมนำผู้ชุมนุมตะโกนคำว่า "ติดคุกๆ"

ส่วนท่าทีของกลุ่มต้านพันธมิตร ซึ่งให้การสนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณ และไปชุมนุมรอฟังคำพิพากษาที่หน้าศาล ปรากฏว่าทันทีที่ได้ทราบผลคำพิพากษา สมาชิกของกลุ่มหลายคนได้ยืนไว้อาลัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นได้แยกย้ายกันกลับ

"ทักษิณ"จ้อสื่อเทศโต้เรื่องการเมือง

มีรายงานว่า นายนพพร วงศ์อนันต์ จากสำนักข่าวรอยเตอร์ โทรศัพท์ทางไกลไปยังกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษช่วงสาย วันเดียวกันนี้ สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า ได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วถึงผลการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิพากษาจำคุกเขาเป็นเวลา 2 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในคดีจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก

"ยังไม่พูด เดี๋ยวจะมีจดหมายลายมือผมออกไป...ทราบแล้ว หวังมาตั้งนานว่าจะเป็นแบบนี้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับ "รอยเตอร์" ภายหลังรับทราบผลคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

อดีตนายกรัฐมนตรีระบุอีกว่า "ไม่ต้องห่วง คดีนี้มันเป็นเรื่องการเมือง คุณก็รู้การเมืองเป็นอย่างไร"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอังกฤษแล้วหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไม่มี ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว"

เตรียมโต้ผ่านประชาคมโลก

ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพี โดยเชื่อว่าจะมีข้อกล่าวหาตามมาอีก ตนเป็นนักการเมือง หลังจากถูกโค่นล้มโดยรัฐประหาร ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะต้องทำทุกทางที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และตนจะเปิดเผยข้อบกพร่อง โดยจะแปลคำพิพากษาแจกจ่ายให้สังคมโลกรับรู้

"สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ใช้หลักกฎหมายมาเป็นหลักฐาน แต่เป็นเรื่องการเมือง" พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ และเชื่อว่าชาวอังกฤษและชาวโลกจะเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ประชาธิปไตย

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่มีคำพิพากษาว่าคุณหญิงพจมาน ไม่ผิดว่า ดีใจแทนภรรยา แต่คุณหญิงพจมานก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะไม่ใช่นักการเมือง

"ขอเรียกร้องให้ประเทศที่กำลังแตกแยกมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ประชาธิปไตยของไทยกำลังอยู่บนทางแยก ผมขอเรียกร้องให้ทุกคนตระหนักว่าควรจะให้เสรีภาพกับประชาชนไทยเพื่อจะใช้อำนาจประชาธิปไตยของตนเอง และอย่าคิดว่าพวกเขามีการศึกษาน้อย พวกเขาอาจจะยากจน แต่ผมเชื่อว่าคนเหล่านี้มีความเข้าใจในประชาธิปไตยดีกว่าคนที่มีการศึกษามากกว่า"

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเชื่อว่า จะสามารถพักอาศัยในอังกฤษต่อไป แม้ว่าจะมีการออกหมายจับใหม่ เพราะอังกฤษมีความเป็นประชาธิปไตยที่มีวุฒิภาวะ และคงไม่มีทางที่จะถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพราะศาลไทยเป็นศาลการเมือง

สมชายชี้ "ทักษิณ" แค่ผิด ก.ม.ป.ป.ช.

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลฎีกาฯ จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็คงไม่ดำเนินการอะไร เพราะตนเคยบอกไปแล้วว่าตนมาเป็นผู้บริหารก็ยึดมั่นในหลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลจะไปแทรกแซงอะไรได้ เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับกระบวนการทางศาล

“เท่าที่ผมฟังก็ไม่มีกรณีเรื่องทุจริตคอร์รัปชันอะไร เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ไปก้าวก่ายแทรกแซงอะไร เป็นคนละเรื่องกัน”

เมื่อถามว่าในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นพี่เขยจะบอกให้กลับมาสู้คดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปดำเนินการกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็ไม่มีการสู้คดีแล้ว เพราะศาลตัดสินไปแล้ว เมื่อถามว่าผลของการตัดสินคดีนี้จะเป็นชนวนทำให้เกิดความรุนแรงระหว่างฝ่ายที่ชอบและไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องความรุนแรง และตนก็ไม่สนับสนุนความรุนแรงอยู่แล้ว ขอให้เป็นเรื่องของคนที่ตกเป็นจำเลยกับกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้เชื่อว่าคำตัดสินจะไม่มีผลต่อรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว

เมื่อถามว่าจะชี้แจงผู้นำประเทศต่างๆ อย่างไรในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียยุโรปที่ประเทศจีน วันที่ 23-26 ต.ค.นี้ โดยนายสมชาย ย้อนกลับว่าแล้วคิดว่าใครจะถาม เราอย่าเพิ่งไปคิดแทนว่าจะมีใครถาม

บัวแก้วรอคำร้องผู้ร้ายข้ามแดน

ด้านนายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับการประสานจากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งตามหลักการแล้ว เมื่ออัยการสูงสุดส่งเอกสารคำร้องขอเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษ มายังกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็จะส่งเอกสารคำร้องนี้ไปให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อประสานไปยังทางการอังกฤษ ทั้งนี้ ตั้งแต่มี พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนฉบับใหม่ ก็ยังไม่เคยมีบุคคลใดถูกดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามช่องทางทางการทูต ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เป็นความประสงค์ของทางการไทย

พงศ์เทพชี้ขอตัวขึ้นกับอังกฤษ

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินออกมาจะเป็นบรรทัดฐานทางวินัยต่อนักการเมืองไทยในอนาคตว่า ยังดูไม่ออกว่าจะเป็นบรรทัดฐานได้อย่างไร เพราะหากดูตามการชี้มูลมาตรา 100 ของ ป.ป.ช. ที่ตีความบังคับใช้แค่กับคน 36 คน คือนายกฯ และรัฐมนตรี หรือหากจะพูดให้ถูกคือกำหนดเพียงคน 2 คนเท่านั้น ตรงนี้ถือว่าเป็นการวางกติกาที่ไม่ได้ครอบคลุมไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อส่วนรวม แต่ต้องครอบคลุมถึงองค์กรอิสระ ผู้พิพากษาด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ทำอะไรขัดกับผลประโยชน์ของส่วนรวมจริงๆ

ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกระบวนการส่งตัวกลับว่า หากเปรียบเทียบคดีอื่นกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะใช้เวลานาน เหมือนคดีของนายปิ่น จักกะพาก ซึ่งกระบวนการตรวจสอบนั้นนานมาก ซึ่งเชื่อว่าคดีของอดีตนายกฯ ก็จะเป็นอย่างนั้นและยิ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ขอลี้ภัยก็จะยิ่งใช้เวลาตรวจสอบนานเพราะรายละเอียดเยอะ

ชี้ รธน.เปิดช่องยื่นอุทธรณ์ใน 30 วัน

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จุดสำคัญคือรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ ทั้งนี้การขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นชัดว่ามีการดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการขยับเรื่องนี้ ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ

นายเจษฏ์ โทณะวณิก อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.สยาม กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถอุทธรณ์ตามรัฐธรรมนูญปี 50 ต่อศาลฎีกาได้ใน 30 วัน ถ้าทีมกฎหมายสามารถหาหลักฐานใหม่มาพิสูจน์ยืนยันได้สามารถอุทธรณ์ได้อีกทางหนึ่ง

นักวิชาการหวั่นไม่วางมือปลุกคนสู้

นายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การตัดสินของศาลส่งผลโดยตรงทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพอย่างหนัก เกิดภาวะชะงักงันทางยุทธศาสตร์ ขณะที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดจลาจลในบ้านเมือง เพราะหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมรับผลการตัดสินหรือพยายามดิ้นสู้เพื่อช่วยเหลือคดีของลูกที่ยังเหลือ โดยมีการปลุกระดมผู้สนับสนุนขึ้นมาเพื่อให้เกิดการปะทะกันอย่างหนักที่สุด สถานการณ์อาจจะบานปลายจนถึงขั้นทหารต้องออกมายึดอำนาจรัฐบาล ส่วนกลุ่มพันธมิตรก็ควรที่จะใช้โอกาสนี้ประกาศยุติการชุมนุมชั่วคราว แล้วติดตามท่าทีของรัฐบาล เพื่อเป็นการลดเงื่อนไขที่ฝ่าย นปช.หรือฝ่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะลุกฮือขึ้นมาสร้างความปั่นป่วน

“หากคุณทักษิณ ไม่ยอมรับคำตัดสินและต้องการต่อสู้ คุณทักษิณก็จะต้องคิดการใหญ่โดยต้องล้มกระดานทั้งหมดในการเมืองไทย เพื่อการเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่ที่สุด และต้องสูญเสียมากที่สุดกว่าการเปลี่ยนแปลงการเมืองทุกครั้งที่ผ่านมาในเมืองไทย” นายไชยันต์ กล่าว