Wednesday, March 22, 2006

เสียงบางส่วนจากผู้ชุมนุม

อยากเรียนถามทุกท่านที่เชียร์ท่านนายกทักษิณด้วยความจริงใจ แม้ว่าเราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา แม้ตัวเราเองในช่วงชีวิตหนึ่งเวลาหนึ่งยังคิดไม่เหมือนเดิม เลยคนเดียวกันแท้ๆ -อยากเรียนถามท่านที่เชียร์ท่านนายกว่าการที่คนระดับผู้นำประเทศขาดซึ่งคุณธรรมจริยธรรมอย่างชัดเจนได้ถึงขนาดนี้ ทำไมท่านจึงเห็นว่ายังควรที่จะสนับสนุนนายกทักษิณอีก ถ้าพวกท่านคือพวกคาราวานคนจน ผมจะไม่ติดใจสงสัยเลยเพราะไม่ว่าข้อมูลข่าวสารหรือระดับการศึกษา หรือเรื่องการที่ต้องการเงินอุดหนุนเรื่องปากท้อง คงสำคัญกับเขามากกว่าเรื่องศีลธรรมคุณธรรมและจริยธรรม แต่สำหรับท่านที่สามารถนั่งอยุ่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว ผมเข้าใจว่าทุกท่านน่าจะตระหนักและเข้าใจดีถึงสิ่งนี้ต่อภาวะของคนที่เป็นผู้นำและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นหน้าเป็นตาของประเทศท่านไม่อายเพื่อนบ้านหรือชาติต่างๆบ้างหรือที่เขาจะคิดว่าบ้านเมืองเรายอมรับเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องธรรมดา ถึงกับต้องยอมให้โจรมาเป็นผู้นำประเทศ แล้วก็ยังยกย่องว่ารวยเก่งกันเข้าไป ไม่มีปัญญาหาผู้นำที่ดีกว่านี้แล้วหรือ ข้อหาของนายกทักษิณที่ไม่สามารถตอบสังคมได้มิใช่เรื่องเล็กๆนะครับหลีกเลี่ยงภาษีโดยคนที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นี่แค่ประเด็นใหญ่ๆนะครับ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยชื่นชมท่านนายกและยอมรับว่าเป็น1ใน19ล้านเสียงที่ท่านชอบคุยนักคุยหนา แต่ต่อไปท่านนายกคงต้องบอกว่า18ล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเสียงแล้วครับเพราะผมมิอาจสนับสนุนท่านอีกต่อไปได้ ไม่อาจเชียร์แบบหัวชนฝา บ้านเราเป็นเมืองพุทธชอบพูดกันนักเรื่องศีลธรรมจริยธรรมว่าเป็นสิ่งสำคัญแต่บ้านเมืองอื่นต่อให้มิใช่พุทธต่อให้เขาเน้นวัตถุนิยมแค่ไหน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ผู้นำเขาลาออกไปนานแล้วครับที่มันยุ่งกันขนาดนี้ เพราะตัวท่านนายกเอง ถ้าท่านนายกรู้จักเสียสละหรือละอายใจบ้างมันคงไม่วุ่นวายขนาดนี้ ผมเองยอมรับว่าจริงๆแล้วรัฐธรรมนูญฉบับนี้นะดีที่สุดตั้งแต่เราเคยมีมาเสียเลือดกันไปเท่าไรกว่าจะได้มา แต่ตอนนี้ “มันผิดที่ตัวบุคคล” -ท่านนายกเองยังพยายามกลับทำให้เราต้องงกับกติกาที่มันดีอยุ่แล้ว เพราะรอบๆตัวท่านนายกก็ล้วนแต่นักกฎหมายเก่งๆทั้งนั้นบางทียึดตัวอักษรจนแกล้งลืมถึงเจตนารมณ์ของมัน และตัวท่านก็เก่งเรื่องหาช่องโหว่หรือช่องว่างอะไรก็ตามที่จะเอื้อประโยชน์ไม่ว่าด้านใดกับท่านและพวกพ้อง อย่าได้ถามผมกลับถึงคุณสนธิเพราะคุณสนธิไม่ใช่ผู้บริหารประเทศ เป็นเพียงแค่สื่อมวลชน และผมก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรเขามากมาย ต่อให้เขาจะเป็นหนี้เป็นบุคคลล้มละลายอะไรก็ตามมันมิได้เกี่ยว กับการขายหุ้นชินคอร์ปหรือเรื่องแปรรูป กฟผ.กับอีกหลายเรื่องของท่านนายกเลยซักนิดและเรื่องนี้มิใช่เรื่องของคุณสนธิและนายกแล้วครับมันเป็นเรื่องของบ้านเมือง แต่ผมฟังและแยกแยะบางเรื่องๆไปครับเช่น -กรณีฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี -กรณีคุณหญิงจารุวรรณ -กรณีCTX -กรณีสมเด็จพระสังฆราช -กรณีพูดถึงนักบินที่เครื่องบินตกเป็นเรื่องขบขัน -กรณีขายหุ้นชินคอร์ปที่เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายซึ่งเรื่องนี้ ท่านนายกทำหน้าตาเฉยมากเลยแถมดร.สุวรรณออกมาชี้แจงว่าไม่ได้มีหน้าที่มาตอบคำถามเรื่อง “จริยธรรม” -เรื่องสุดท้ายที่พฤติกรรมมันส่อถึงนิสัยท่านนายกจริงๆเลยก็คือการยุบสภาโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ เปลืองเงินงบประมาณแผ่นดินโดยใช่เหตุ 2000กว่าล้านเพียงเพื่อสนองตัณหาและใช้ฟอกตัวท่านเอง และใช้กติกาที่มีอยุ่เอาเปรียบทุกอย่างทั้งๆที่ไม่ทำแบบนั้นท่านนายกก็ได้เปรียบอยู่แล้ว ในทุกๆด้านท่านคงจะเป็นแต่แค่คนเรียนเก่งแต่ไม่ชอบเล่นกีฬา “กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนาจริง”ครับ อย่าลืมว่าถ้าไส้ท่านนายกสะอาดจริงไม่ว่าจะคุณสนธิ,คุณจำลองหรือใครต่อใครก้อสาวไส้ท่านนายกหรือสร้างกระแสไม่ได้หรอกครับ แล้วคนสาวมีแต่จะเสียเครดิตเสียคนไปเองด้วยเพราะสาวออกมาแล้วไส้ท่านนายกสะอาดแต่นี่ท่านนายกไม่อาจตอบคำถามสังคมได้เลยโดยเฉพาะเรื่องหุ้นภาค2 จนผมมิอาจสนับสนุนท่านนายกต่อไปได้และเห็นว่าท่านหมดความชอบธรรม ที่จะเป็นายกต่อไปจริงๆครับควรลาออกไปถ้าเห็นแก่บ้านเมืองจริงๆ เมืองไทยเราพร้อมอภัยเสมอจำได้ไหมครับที่ท่านนายกเข้ามาครั้งแรกก้อส่อเค้าไม่โปร่งใสแล้ว คือซุกหุ้นภาคแรกชนะไปแค่เสียงเดียว และคนไทยเราก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นกันด้วย พยายามมองข้ามเพราะหวังในตัวท่านนายกที่จะได้มาทำงานเพื่อชาติ แต่เมื่อท่านได้เข้ามาทำงานแล้วพฤติกรรมต่างๆที่ท่านได้กระทำล้วนเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องญาติพี่น้องและกลุ่มธุรกิจของท่านทะนงตนว่ากุมอำนาจและแทรกแซงไปได้ในทุกองค์กร จนไม่แคร์ถึงความรู้สึกประชาชนจนกล้าแม้กระทั่งขายหุ้นแบบพิสดารถามว่าถ้าซื้อขายหุ้นตามปกติมันจะต้องไปทำให้ลึกลับซับซ้อนวกไปวนมาขนาดนี้ไหมท่านลองถามใจตัวเองดูและยังขายในจังหวะที่ไม่ควรขายด้วยซ้ำยิ่งทำให้จากคนที่รักเคยชอบท่านนายกเองยังรับไม่ได้เลยครับ แต่ที่กล้าทำโดยไม่สนใจความรุ้สึกประชาชนเพราะได้ใจจากซุกหุ้นครั้งแรกไงครับบวกกับอัตตาของท่านและท่านมั่นใจว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง นี่ยังไม่นับรวมกับวาจาท่านซึ่งผมถือว่ามันเป็นบุคคลิกและเรื่องส่วนตัวท่านไม่เกี่ยวกับการบริหาราชการ อย่างไรเสียผมก้อยังเชื่อว่า “กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา” กับเชื่อจริงๆอีกว่า “คนเรา สามารถเมากับอำนาจได้จริง” จนแม้แต่คนข้างกายก้อมิอาจกล้าพูดกล้าเตือน บางทีเราคุยอะไรกันเป็นวิชาการมากจนเกินไป คุยแบบผู้ใหญ่มากจนเกินไป คุยแบบนักกฎหมายมากจนเกินไป คุยแบบนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะครับผลประโยชน์เยอะครับกลัวได้เปรียบเสียเปรียบกันครับ ไม่ลองคิดแบบเด็กๆหรือไปถามเด็กๆว่า -การโกง, ลักขโมยของผู้อื่นไม่ว่าจะวิธีใดก็ตามเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ เด็กๆไม่เห็นต้องใช้เวลานานในการคิดเลยครับเขาสามารถตอบได้ทันทีว่ามันไม่ดีไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมกลับงงและสงสัยว่าผู้ใหญ่บ้านเมืองเรา ทำไมไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาให้ชัดเจนเลยละครับ ทั้งๆที่ท่านเหล่านั้นก็ทราบอยุ่เต็มอกว่าความถูกต้องชอบธรรมมันคืออะไรแม้คนที่เชียร์ท่านอยุ่ตอนนี้ก็อาจรู้แต่อาจกลัวสูญเสียผลประโยชน์อันนี้ไม่ว่ากันครับ เพราะถือว่าท่านรู้อยุ่แก่ใจ และมีผลได้เสียอยู่กับเกมส์ -แต่ต่อไปเราคงต้องสอนลูกหลานเราใหม่เสียแล้วว่าลูกอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่แน่ใจว่ามีคนเห็นหรือเปล่า ต้องแน่ใจนะว่าไม่มีใครเห็นลูกจึงขโมยได้ หรือสอนแม้กระทั่งวิธีโกง,วิธีขโมยอย่างแนบเนียนให้ลูก เพื่อลูกจะได้มีเงินเยอะๆจะได้มาอย่างสุจริตหรือไม่ก็ตามเพื่อที่จะได้รับการยอมรับในสังคมต่อไปเพราะในเมื่อสังคมยอมรับคนแบบนี้เป็นผู้นำ แต่อย่างน้อยผมคิดว่าชาติบ้านเมืองก็คงจะได้รับประโยชน์จากท่านนายกไม่น้อยเหมือนกัน จากบทเรียนที่ท่านได้ทำปู้ยี้ปู้ยำไว้กับประเทศชาติและเราจะได้นำข้อผิดพลาดจากบทเรียนนี้ มาแก้ไขหรือพยายามอุดรอยรั่วต่างๆ หากต้องเผชิญกับผู้นำแบบท่านในอนาคตอีกต่อไป ตัวท่านนับเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของชาติไทยจริงๆครับ และเป็นกรณีที่ต้องศึกษาเป็นพิเศษเลยทีเดียวถือว่าแปลกมากเพราะ -ชนะเลือกตั้งมาด้วยเสียงท่วมท้นผมไม่เถียง ประชาชนตั้งความหวังในตัวท่านมาก แต่ความละโมบโลภมากไม่สิ้นสุด ถ้าเพียงท่านทำอย่างที่ท่านเคยพูดว่า รัฐบาลชุดท่านไม่ต้องมีใบเสร็จ แค่ส่อเค้าทุจริตก้อจะจัดการหรือปลดออกจากตำแหน่งทันทีแล้วนี้เรื่องมันเกิดกับตัวท่านเอง จนคนออกมาไล่ขนาดนี้ยังเฉยอยู่ได้ไม่มีแม้คำชี้แจง ผมไม่เคยหวังว่าจะมีใครดีพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์เพียงแต่ครั้งนี้ ความชอบธรรมของตัวท่านนายกหมดลงแล้วท่านก็ควรแสดงสปิริต เพื่อบ้านเมืองเท่านั้นเองครับ -สุดท้ายก้ออยากจะฝากถึงท่านนายกว่าถ้ารักชาติบ้านเมืองจริง ลาออกไปซะเถอะครับเพราะมันผิดที่ตัวท่านชัดเจนจริงๆครับ อย่าให้กติกาต้องแปดเปื้อนเลย และผมเองไมสนใจแม้เรื่อง จะยึดทรัพย์ท่านหรือต้องดำเนินคดีอะไรด้วยซ้ำขออย่างเดียว ท่านลาออกไปซะเท่านั้นครับรับรองบ้านเมืองเราจะสงบทันทีครับ ไม่มีใครเรียกร้องให้ท่านยุบพรรคไทยรักไทยด้วยซ้ำ ท่านก็ตั้งใคร มาเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ซิครับ -ทำไมหรือครับไทยรักไทยถ้าไม่มีท่านมันอยู่ไม่ได้หรือครับ แล้วกรุณาอย่าเอามาตรฐานแบบนั้นมาใช้กับประเทศด้วยว่า ถ้าไม่มีท่านแล้วประเทศเราจะอยู่ไม่ได้ครับ VATAN

ลองอ่านกันดูครับพี่น้อง http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=24/Mar/2549&news_id=122076&cat_id=200 เปลวสีเงิน คนปลายซอย 24 มีนาคม 2549 กองบรรณาธิการ กฟผ.พลิกผันที่ผ่านคืน กฟผ. ถ้าท่านไม่เคยเชื่อมาก่อน ก็จงเชื่อเถอะว่า แผ่นดินผืนนี้ ดวงพระวิญญาณของบุรพพระมหากษัตริย์ไทย "ทุกพระองค์" ท่านทรงปกปักรักษาอยู่ ผู้สุจริต คิดซื่อต่อแผ่นดิน ย่อมสุข ส่วนผู้ใดมีการกระทำอันทุจริต คิดมิชอบ มันผู้นั้น ย่อมทุกข์ และมีอันต้องวิบัติสถานเดียว! แผ่นดินไทย เป็นแผ่นดินเอกราช จะให้ใครเอาไปเป็น "ทาสอเมริกา" ผ่านนายหน้าที่เรียกว่า "สิงคโปร์" พระองค์ท่านไม่ทรงยอมหรอก ก็เห็นมั้ยล่ะ ประชาชนจะรุมฉีกเนื้ออยู่รอมร่อนี่ไง! ไฟฟ้า-ประปา ก็เช่นกัน "เสด็จพ่อ ร.๕" ทรงบากบั่น แผ้วถาง ทรงสร้างให้ไว้เป็นสมบัติประชาชน (ไม่ใช่สมบัติรัฐบาล) แล้ว * นักการเมืองเห็นแก่ได้ มันมาใช้อำนาจปล้นเอาไปขายตามที่ต่างชาติบัญชา ด้วยเดชะ..พระบารมีพระสยามเทวาธิราช วานนี้ "ศาลปกครองสูงสุด" ก็พิพากษา ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ.กลับมาเป็นของประชาชนคนไทยดังเดิม กลับมาเป็น กฟผ. "รัฐวิสาหกิจ" ไมใช่ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ดังที่ * พวกโจรปล้นแล้วข่มขืนเอา มิใช่กลับมาเป็นวันนี้ แต่ศาลท่านระบุเลยว่า กฟผ.ยังคงเป็น กฟผ.ของประชาชนเหมือนดังแต่แรก ไม่ได้เสียบริสุทธิ์-เสียสาวไปแต่อย่างใด รายละเอียดต่างๆ คิดว่าท่านหาอ่านตามข่าวได้นะครับ สรุปเป็นความเข้าใจให้ตรงกันใหม่ ณ วันนี้เลยว่า กฟผ.ยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่บริษัทมหาชน ไม่มีการนำหุ้นไปจัดสรรขายในตลาดหลักทรัพย์ตามบัญชานายกฯ ทักษิณ ด้วยประการทั้งปวง "พิพากษาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๘ และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๘ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว" ครับ..นั่นคือคำพิพากษา เมื่อศาลท่านสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๒ ฉบับ ก็หมายความว่า กฟผ.-รัฐวิสาหกิจ ยังคงเป็น กฟผ.รัฐวิสาหกิจ ๑๐๐% ที่รัฐบาลลากไปแต่งตัวขายซ่องนั้น ทุกอย่าง..โมฆะหมด! น่าพินิจเป็นความรู้เพิ่มเติมจากคำพิพากษานั้นอยู่ตอนหนึ่ง ผมจะคัดลอกมาให้ท่านอ่านดู ดังนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในขณะที่ นายโอฬาร ไชยประวัติ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทนั้น นายโอฬารเป็นกรรมการในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการสื่อสารและโทรคมนาคม จึงเป็นนิติบุคคล ที่มีประโยชน์ได้เสีย เกี่ยวข้องกับกิจการของ กฟผ.ซึ่งมีระบบรับส่งข้อมูลประกอบด้วยเส้นใยแก้วนำแสง และต่อมาบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ได้จัดตั้งบริษัท กฟผ. โทรคมนาคม จำกัด เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคมและการสื่อสารทุกชนิด บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงมี ประโยชน์ได้เสียกับกิจการของ กฟผ. และบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) นอกจากนั้น นายโอฬารยังเป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ กฟผ.ซื้อก๊าซธรรมชาติจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อีกด้วย นายโอฬารจึงเป็นกรรมการในนิติบุคคล ที่มีประโยชน์ได้เสีย เกี่ยวข้องกับกิจการของ กฟผ. และบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) และมีลักษณะต้องห้ามเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท และตามหลักฐานประวัติของนายโอฬารที่ใช้ประกอบการพิจารณาออกคำสั่งแต่งตั้งก็ระบุการเป็นกรรมการดังกล่าวไว้ชัดเจน นายโอฬารจึงเป็น ผู้มีลักษณะต้องห้าม ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท อันเป็นการ ขัดต่อหลักความเป็นกลาง ซึ่งผู้มีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งได้รู้ หรือควรรู้ถึงลักษณะต้องห้ามดังกล่าวแล้ว คำสั่งแต่งตั้งนายโอฬารเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทจึง ขัดต่อกฎหมาย และถือได้ว่าเป็นเหตุอันมีสภาพร้ายแรง และไม่อาจนำหลักการพ้นจากตำแหน่งที่ว่า ไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่เพราะเหตุการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และตามหลักกฎหมายทั่วไป มาใช้กับกรณีนี้ จึงมีผลทำให้การกระทำใดๆ ของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท เสียไปทั้งหมด หรือไม่มีผลทางกฎหมาย นอกจากนั้น นายปริญญา นุตาลัย ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก็ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในทางกฎหมายถือว่าเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีลักษณะต้องห้ามเป็นกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามข้อ ๕ (๓) ของระเบียบคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๓...... ต้องขอบคุณฟ้าดินจริงๆ ที่ในบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลาย ยังเหลือ "ศาลปกครองสูงสุด" ไว้ให้เป็นที่พึ่งทางความยุติธรรมของประชาชน ก็ต้องขอประกาศนาม ท่านผู้กอบกู้ "สมบัติประชาชน" อันเสด็จพ่อ ร.๕ พระราชทานไว้ให้เป็นมรดกลูกหลานคนไทยทุกคนได้กลับคืนมาครั้งนี้ องค์คณะตุลาการที่รับผิดชอบคดี กฟผ.ทั้งหมดประกอบด้วย นายจรัญ หัตถกรรม หน.คณะศาลปกครองสูงสุด เจ้าของสำนวน นายธงชัย ลำดับวงศ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นายเกษม คมสัตย์ธรรม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นายปรีชา ชวลิตธำรง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นางเสริมดรุณี ตันติเวสส ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ผู้แถลงคดี และก็ต้องบันทึกไว้เพื่อการระลึกรู้ถึง "คนเพื่อแผ่นดินรวม" ด้วยขอบคุณในเขา เพราะเขาเหล่านั้น จึงทำให้เราได้สิ่งนี้คืนมา เขาเหล่านั้น คือเหล่าสามัญชนเต็มขั้น แต่ด้วย "วีระอาจหาญ" ของเขา ทำให้เราทุกชนชั้น ได้ชื่น ผู้รับธุระแผ่นดิน ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด เรียกเอา กฟผ.กลับคืนมาประกอบด้วย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นางสาวรสนา โตสิตระกูล นางสาวสายรุ้ง ทองปลอน นายสุริยะใส กตะศิลา นายศิริชัย ไม้งาม นางจิราภา จันทรักษ์ นางสาวศจินทร์ ประชาสันติ์ นางอินทิรา โรจวัฒนา พันโทหญิงกมลพรรณ ชีวพันธุศรี นาง ญ.หญิง สิตตะวิบุล นายธนา วรพจน์ ส่วนผู้ที่เป็นทนาย และร่างฟ้องคดีนี้ ก็ต้องประกาศนามไว้เช่นกันคือ "นายนิติธร ล้ำเหลือ" หัวใจ และความสามารถ "เหลือล้ำ" จริงๆ! ส่วนจำเลย หรือผู้ถูกฟ้องคดี ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กระทรวงพลังงาน คณะรัฐมนตรี ครับ..จากคดีชินคอร์ป มาถึงคดี กฟผ.นี้ ก็เป็นสิ่งยืนยันว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" หมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว แต่ท่านจงสำเหนียกเถิดว่า อย่าว่าแต่ประชาชนจะชุมนุมขับไล่ท่านเลย กระทั่งเทวดาฟ้าดินก็ผลักไส ไม่ต้องการให้ท่านอยู่ในอำนาจผู้นำประเทศอีก ท่านขายชินคอร์ปให้สิงคโปร์ ไม่มีใครว่า และไม่มีใครอิจฉา แต่ "เนื้อใน" ชินคอร์ปมันคือ "เนื้อประเทศไทย" อันเรียกว่าสัมปทาน และสมบัติสาธารณะของประชาชน ตรงนี้แหละ ถึงไม่อิจฉา แต่ต้องว่ากัน สิงคโปร์ ก็แค่บริษัทนายหน้าสหรัฐอเมริกา หรือเรียกว่าประเทศ "นอมินี" สหรัฐ เพื่อเข้ามาด้วยผลประโยชน์บางอย่างในไทย และใช้ผ่านไปถึงพม่า จอร์จ บุช หรือบุชผู้พ่อ ก็คือสหายรักทักษิณที่เคยบินมากินข้าวด้วยกันถึงจันทร์ส่องหล้า บุชก็คือหัวหน้าใหญ่กลุ่มคาร์ลายน์ "หัวหอก CFR" แห่งการฟื้นลัทธิการล่าจักรวรรดินิยม สหรัฐใช้ "นอมินี-สิงคโปร์" ยึดครองสิทธิ์บางอย่างของไทยผ่านชินคอร์ป และถ้าดูตามพฤติกรรม ผู้นำของเราก็ส่อลักษณะจะนำประเทศไปเป็น "นอมินี" ของสหรัฐ ผ่านตัวแทนคือสิงคโปร์ "ฐานทัพไทย" หลายแห่งเดี๋ยวนี้ กลายเป็น "ฐานทัพสิงคโปร์" ในรูปแบบเช่าไปแล้ว ทั้งที่เมืองกาญจน์ ที่โคราช ที่อุดรฯ และ ฯลฯ แต่พระสยามฯ ท่านยังคุ้มครองแผ่นดินไทย-คนไทย ไม่เช่นนั้น "อ้อยที่เข้าปากช้าง" ไปแล้วขนาดนี้ มีหรือที่จะ "งัดออกมาได้"? โลกกำลังผลัดใบ ไทยเราก็เช่นกัน เข้าสู่วงรอบแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชนิดใครก็ "คาดเดาไม่ถึง" ปฏิทินประเทศไทยจะมีวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ หรือไม่ ๒ เมษา.ถ้ามี ต้องเซ่นด้วยเลือด หรืออะไร ต้องถอดหัวใจสงบถาม "องค์พระสยามเทวาธิราช"?


ขอร่วมต่อต้าน ระบอบทักษิณด้วยคนค่ะ

ถ้าวันนี้พวกเราไม่ทำอะไรเลย เท่ากับเรายอมรับกับการทุจริต คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ยอมรับการเลี่ยงภาษี
โดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ยอมรับการขายสมบัติของชาติ สัมปทานเป็นเรื่องที่ถุกต้อง ยอมรับการแทรกแซงสื่อ
และข้าราชการ ต่อไป บรรทัดฐานของสังคมไทยจะเปลี่ยนไป จะมีแต่คนเอารัดเอาเปรียบสังคม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
เป็นคนฉลาด จะไม่มีใครสนใจในการทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะไม่มีประโยชน์ต่อตัวเอง มองตัวเองเป็นหลัก ลืมประเทศชาติ
และสังคมส่วนรวมโดยสิ้นเชิง ต่อไปถึงแม้หมดทักษิณ ก็จะมีคนอื่นที่ใช้หลักการเดียวกัน เข้ามาครองอำนาจ
และหาผลประโยชน์ โดยอาศัยระบอบทักษิณเป็นแบบอย่าง และหาความชอบธรรมจากผู้ไม่รู้ และหลงมัวเมากับผลประโยชน์ที่ได้รับ
โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียในอนาคต ดังนั้นพวกเราจึงต้องร่วมต่อสู้ เพื่อไม่ให้ระบอบทักษิณ ทำลายประเทศชาติในอนาคต

ทักษิณเป็นพวกรู้ว่าเงินซื้อประเทศยากจนได้ เพราะไม่ว่าคนจน ข้าราชการ จนกันหมด นอกจากจะเอาเงินตัวเองซื้อเสียงแล้ว
ยังเอาเงินประเทศชาติซื้อ โดยการออกนโยบายเอื้ออาทรต่างๆ แม้ว่าเป็นสิ่งดีที่เอื้อประโยชน์ประชาชน แต่มันเป็นวิธีที่ล้มเหลว
เช่นกองทุนหมู่บ้าน โยนเงินไปให้ชาวบ้านบริโภคของเอกชน โดยชาวบ้านไม่ได้เอาไปลงทุน เพื่อเกษตรทั้งหมด และขบวนการผลิต
ที่ไม่มีประสิทธิภาพของตัวเอง รวมทั้งการถูกกดราคาสินค้าเกษตร ทำให้ไม่เคยได้กำไรเลย เงินที่กู้ยืมมาก็ไม่มีปัญญาใช้ รัฐก็ต้องออก
พันธบัตรอุ้มอีก คิดว่าเกษตรที่ไม่มีความรู้น่าจะยอมรับความจริงว่า ไม่สามารถเป็นเจ้าของการผลิตได้ และหันมาสนับสนุนเจ้าของโรงสี
ผลิตข้าวเองครบวงจร และหันมาจ้างเกษตรกรให้รับจ้างผลิตแทนโดยให้เงินเดือน และจัดการบริหารและอุปกรณ์วัตถุดิบให้เกษตรกรใช้แทน
เพื่อแก้ปัญหาราคาผลผลิตด้วย ที่คิดไม่เป็นเกี่ยวกับการแก้ปํยหาเกษตร เพราะกลัวคนจนรวยขึ้น แล้วเมินเงินซื้อเสียงหรือไง
แม้ดูเหมือนนายกดี แต่จริงๆ แล้วเป็นผู้นำในการคอรัปชั่น ไม่ว่านายกคนไหนทำ ก็ต้องยอมออกไป เราไม่ควรจำนนต่อความชั่วแล้ว
ปล่อยเลยตามเลย

ตอนนี้อยู่ New York ขอร่วมสนับสนุนไม่ให้การสนับสนุนทักษิณ ชิณวัตร