Thursday, April 27, 2006

พระราชดำรัส วันที่ 25 เมษายน 2549

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันอังคารที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

สิ่งที่ได้ปฏิญาณนั้นมีความสำคัญมาก เพราะว่ากว้างขวาง หน้าที่ของผู้พิพากษา หน้าที่ของผู้ที่เป็นตุลาการศาลปกครอง มีหน้าที่กว้างขวางมาก ซึ่งเกรงว่า ท่านอาจจะนึกว่า หน้าที่ของผู้ที่เป็นศาลปกครอง มีขอบข่ายที่ไม่กว้างขวาง ที่จริงกว้างขวางมาก ในเวลานี้ถ้าจะนึกว่าจะพูด ศาลเองก็นึก ที่อยากจะพูดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และโดยเฉพาะเลือกตั้งของ ผู้ที่ได้คะแนนไม่ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์

แล้วก็เขาเลือกตั้งอยู่คนเดียว ซึ่งมีความสำคัญ เพราะว่าถ้าไม่ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็คนเดียว ในที่สุดการเลือกตั้งไม่ครบจำนวน ไม่ทราบว่า เกี่ยวข้องกับท่านหรือเปล่า แต่ความจริงน่าจะเกี่ยวข้องเหมือนกัน เพราะว่าถ้าไม่มีจำนวนผู้ที่ได้รับเลือกตั้งพอ ก็กลายเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย ดำเนินการไม่ได้

แล้วถ้าดำเนินการไม่ได้ ที่ท่านได้ปฏิญาณเมื่อตะกี้นี้ ก็เป็นหมัน ที่บอกว่าจะต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้การปกครองแบบประชาธิปไตย ต้องดำเนินการไปได้ ท่านก็เลยทำงานไม่ได้ ถ้าท่านทำงานไม่ได้ ก็มีทาง ท่านอาจจะต้องลาออก แต่ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหา ไม่ได้แก้ปัญหาที่มีอยู่ ต้องหาทางแก้ไขให้ได้ เขาอาจจะบอกว่า ก็ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็บอก ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการร่างรัฐธรรมนูญ ร่างเสร็จแล้วก็ไม่เกี่ยวข้อง

ก็เลยขอร้องให้ท่าน อย่าไปทอดทิ้งการปกครองแบบประชาธิปไตย การปกครองแบบที่ จะทำให้บ้านเมืองดำเนินการไปได้ แล้วก็อีกข้อหนึ่ง การที่จะบอกว่า มีการยุบสภา และต้องเลือกตั้งภายใน ๓๐ วัน ถูกต้องหรือไม่ ไม่พูดถึง ไม่พูดกันเลย ถ้าไม่ถูก ก็จะต้องแก้ไข หมายความว่า อาจจะให้การเลือกตั้งนี้ เป็นโมฆะหรือไม่นั้น ซึ่งท่านจะมี มีสิทธิ ที่จะบอกว่า อะไรที่ควรหรือไม่ควร

ไม่ได้ว่า บอกว่ารัฐบาลไม่ดี แต่ว่าเท่าที่ฟังดู มันเป็นไปไม่ได้ ในการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เลือกตั้งพรรคเดียว คนเดียว ไม่ใช่ทั่วไป อย่างมีคนที่สมัครเลือกตั้งคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย เมื่อไม่เป็นประชาธิปไตย ท่านก็ควรจะคิดว่า ท่านต้องดูเกี่ยวข้องกับเรื่องของการปกครองให้ดี ก็ขอฝากอย่างดีที่สุด ถ้าจะ ถ้าจะทำได้

ท่านลาออก ท่านเอง ไม่ใช่รัฐบาลลาออก ท่านเองต้องลาออก ทำไม่ได้ รับหน้าที่ไม่ได้ ตะกี้ที่ ที่ปฏิญาณ ไปดูดีๆ จะเป็นการไม่ได้ทำตามที่ปฏิญาณ แล้วก็ ตั้งใจฟังวิทยุเมื่อเช้านี้ กรณีเกิดที่ ที่นบพิตำ กรณีที่จังหวัด ที่อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช อันนั้นไม่ใช่แห่งเดียว ที่อื่นมีอีกหลายแห่ง ที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม บ้านเมืองไม่สามารถ ที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์ ที่ไม่ถูกต้อง

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านไปศึกษาว่า เกี่ยวข้องหรือไม่ ท่านเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ถ้าท่านไม่เกี่ยวข้อง ท่านก็ลาออกดีกว่า ท่านผู้ที่เป็นผู้ที่ได้รับหน้าที่ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ เป็นผู้ที่ต้องทำให้บ้านเมืองดำเนินได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องไปปรึกษากับผู้พิพากษาที่จะเข้ามา เข้ามา ผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านผู้นี้ก็คงเกี่ยวข้องเหมือนกัน ก็ปรึกษากัน สี่คน

แล้วท่านปรึกษากับผู้พิพากษาศาลฎีกาที่จะเข้ามาใหม่ ปรึกษากับท่าน ก็เป็นจำนวนหลายคน ที่มีความรู้ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ที่มีความรักในหน้าที่ ที่จะทำให้บ้านเมืองมีขื่อมีแป อันนี้ก็ขอฝาก ก็จะขอบใจมาก เดี๋ยวนี้ยุ่ง เพราะว่าถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่ทางที่จะปกครองแบบประชาธิปไตย ของเรามีศาลหลายชนิดมากมาย เรามีสภาหลายแบบ และทุกแบบจะต้องเข้ากัน ปรองดองกัน และคิดหาทางที่จะแก้ไขได้

ที่พูดอย่างนี้ ค่อนข้างจะประหลาดหน่อย ที่ขอร้องอย่างนี้ แล้วก็ ไมอย่างนั้นเดี๋ยวก็ต้องบอกว่าต้องทำมาตรา ๗ มาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยัน ยืนยันว่ามาตรา ๗ นั้นไม่ได้หมายถึง ให้ มอบให้พระมหากษัตริย์ มีอำนาจที่ จะทำอะไรตามชอบใจ ไม่ใช่ มาตรา ๗ นั้น พูดถึงการปกครอง แบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่า ให้พระมหากษัตริย์ตัดสินใจ ทำได้ทุกอย่าง

ถ้าทำเขาก็จะนึกว่าพระมหากษัตริย์ ทำเกินหน้าที่ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยทำเกินหน้าที่ ถ้าทำเกินหน้าที่ ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขาอ้างถึงเมื่อครั้งก่อนนี้ เมื่อ รัฐบาลของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนนั้นไม่ได้ทำเกินอำนาจพระมหากษัตริย์ ตอนนั้นมีสภา สภาไม่อยู่ ประธานสภา รองประธานสภาไม่อยู่ แล้วก็รองประธานสภาทำหน้าที่ แล้วมีนายกที่สนองพระบรมราชโองการได้ ตามรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น

ไม่ได้หมายความว่า ที่ทำครั้งนั้นผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ ตอนนั้นก็ไม่ใช่นายกพระราชทาน นายกพระราชทานหมายความว่า ตั้งนายกโดยไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย ตอนนั้นมีกฏเกณฑ์ เมื่อครั้งอาจารย์สัญญาได้รับตั้งเป็นนายก เป็นนายกที่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือรองประธานสภานิติบัญญัติ ฉะนั้น ไป ไปทบทวนประวัติศาสตร์หน่อย ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านก็ทราบว่า มี มีกฎเกณฑ์ที่รองรับ

แล้วก็งานอื่นๆ ก็มี แม้จะที่เรียกว่าสภาสนามม้า เขาก็หัวเราะกัน สภาสนามม้า แต่ไม่ผิด ไม่ผิดกฎหมาย เพราะว่านายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนอง นายกรัฐมนตรีคืออาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับสนองพระบรมราชโองการ ก็สบายใจว่า ทำอะไรแบบถูกต้อง ตามครรลองของรัฐธรรมนูญ แต่ครั้งนี้ ก็จะให้ทำอะไรผิด ผิดรัฐธรรมนูญ ใครเป็นคนบอกก็ไม่ทราบนะ ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกว่าผิด ถือโอกาส ขอให้ช่วยปฏิบัติอะไร คิดอะไร ไม่ให้ผิดกฎเกณฑ์รัฐธรรมนูญ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นสิ่งที่เป็นอุปสรรค และมีความเจริญรุ่งเรืองได้ ขอขอบใจท่าน


พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันอังคารที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

เวลานี้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าไม่มีสภาที่ครบถ้วน ก็ไม่ใช่การปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตย ขอให้ท่านไปปรึกษากับ ผู้อยู่ฝ่ายปกครองประเทศ ตอนนี้มีศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลอาญา เมื่อมีก็ต้องดำเนินการไป ขอให้ปรึกษากับศาลอื่นๆ ด้วย จะทำให้บ้านเมือง ปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้ อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกฯพระราชทาน

เพราะการขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก เอะอะอะไรก็ขอนายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา ๗ ตามรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด อ้างไม่ได้ มาตรา ๗ มี ๒ บรรทัดว่า อะไรที่ไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณี หรือตามที่เคยทำมา

ไม่มีที่อยากจะได้นายกฯ พระราชทาน เป็นต้น การขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษนะ แบบมั่ว แบบไม่มีเหตุมีผล ท่านที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่แจ่มใส สามารถที่จะคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือ ปกครองต้องมีสภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ทำงานไม่ได้ อาจจะหาวิธีที่จะตั้งสภาไม่ครบถ้วน

ก็รู้สึกว่า มั่ว อยากจะขอโทษอีกที ใช้คำมั่ว ไม่ทราบใครจะทำมั่ว จะปกครองประเทศมั่วไม่ได้ จะคิดอะไรแบบปัดๆ ไปให้เสร็จไป ถ้าไม่ได้ ก็โยนให้พระมหากษัติรย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่วอย่างอื่น เพราะพระมหากษัตริย์ ไม่มีอำนาจหน้าที่ ต้องขอร้องฝ่ายศาล ให้ช่วยกันคิด เวลานี้ประชาชนทั่วไปเขาหวังในศาล โดยเฉพาะศาลฎีกา และศาลอื่นๆ

ประชาชนบอกว่าศาลดี ยังมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความรู้ เพราะได้เรียนรู้กฎหมายมา และพิจารณากฎหมายที่ต้องศึกษาดีๆ ประเทศชาติจึงจะรอดพ้นได้ ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักการปกครองที่ถูกต้อง ประเทศชาติไปไม่รอด อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะว่าไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง ๕๐๐ คน ทำงานไม่ได้

ก็ต้องไปดูว่า จะทำย่างไร ให้ทำงานได้ จะมาขอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน จะบอกว่าพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ลงพระปรมาภิไธย ซึ่งในมาตรา ๗ ไม่ได้บอกว่า พระมหากษัตริย์สั่งได้ ไม่มี ลองไปดูมาตรา ๗ เขาเขียนว่า ไม่มีบทบัญญัติประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่า มีพระมหากษัตริย์ที่จะมาสั่งการได้

แล้วก็ขอยืนยันว่า ไม่เคยสั่งการอะไร ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ของ บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ กฎหมาย พระราชบัญญัติต่างๆ ทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง อย่างที่เขาขอร้อง ให้มีนายกฯ พระราชทาน ไม่เคยมีข้อนี้ มีนายกฯ แบบที่มีการรับสนองพระบรมราชโองการ ถูกต้องทุกครั้ง มีคนเขาอาจจะมาบอกว่า พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ นี่ทำตามใจชอบ ซึ่งไม่เคยทำอะไรตามใจชอบเลย

ตั้งแต่เป็นพระมหากษัตริย์ มีรัฐธรรมนูญหลายฉบับ แล้วก็ทำมาหลายสิบปี ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ ถ้าทำตามใจชอบ บ้านเมืองล่มจมมานานแล้ว แต่ตอนนี้เขาขอให้ทำตามใจชอบ แล้วถ้าทำตามที่เขาขอ เขาก็จะต้องด่าว่านินทาพระมหากษัตริย์ ว่าทำอะไรตามใจชอบ ซึ่งไม่ใช่กลัว ถ้าต้องทำก็ต้องทำ แต่มันไม่ต้องทำ

ผู้พิพาษาศาลฎีกาจะบอกได้ ศาลอื่นๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ไม่มีข้อที่จะห้ามได้มากกว่าศาลฎีกา มีสิทธิที่จะพูด ที่จะตัดสิน ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านได้พิจารณา เอาไปพิจารณา เอาไปปรึกษากับผู้พิพากษาศาลอื่น ศาลปกครอง ว่าจะทำอะไร แล้วรีบทำ ไม่งั้นบ้านเมืองล่มจม เมื่อสักครู่ดูทีวี เรือหลายหมื่นตันโดนพายุ จมไปสี่พันเมตรในทะเล เขายังต้องดูว่าเรือนั้นจมไปอย่างไร

เมืองไทยจะจมลงไปกว่าสี่พันเมตร กู้ไม่ได้ กู้ไม่ขึ้น ฉะนั้น ท่านเองก็จะจมลงไป ประชาชนทั่วไป ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็จะจมลงไปในมหาสมุทร เวลานี้ เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดในโลก ท่านก็มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติ ปรึกษากับผู้มีความรู้ เขาเรียกว่า กู้ชาติ เวลานี้เอะอะอะไรก็กู้ชาติ กู้อะไร เดี๋ยวนี้ชาติไม่ได้จม ฉะนั้นป้องกันไม่ให้จม แล้วจะได้ไม่ต้องกู้ชาติ

เพราะฉะนั้น ต้องพิจารณาดูดีๆ ว่าจะทำอะไร ถ้าทำได้ปรึกษาหารือกัน จริงๆ แล้วประชาชนทั้งประเทศ และประชาชนทั่วโลก จะอนุโมทนา และจะเห็นว่าผู้พิพากาษศาลฎีกายังมีน้ำยา เป็นคนมีความรู้ ตั้งใจที่จะกู้ชาติจริงๆ ถ้าถึงเวลา ก็ขอขอบใจ ที่ทุกท่านตั้งใจจะทำหน้าที่ที่ดี บ้านเมืองก็รอดพ้น ไม่ต้องกู้

ขอบใจที่ท่านพยายามปฏิบัติด้วยดี และประชาชนจะขออนุโมทนา ขอบใจแทนประชาชนทุกคน ทั้งประเทศ ที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่เข้มแข็ง ขอบใจที่ท่านสามารถปฏิบัติงานได้ดี มีพลานามัยแข็งแรง ต่อสู้เพื่อความดี ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศ ขอบใจ